สุดเศร้าอาลัยสาธิตทองจันทร์เสียชีวิตแล้ว[เพลง]ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อการจากไปของหมอลำชื่อดังระดับตำนานสาธิตทองจันทร์เจ้าของเสียงร้องในหมอลำกลอนฮิตมากมายเช่นปากโกรธใจคิดถึงความรักเหมือนควันบุรีกลับเถิดจันทจ๋าหยุดน้ำตาเถิดน้องลาสาวหนองคายเป็นต้นสาธิตทองจันทร์หรือนายสานิชัยทองศรีได้เกิดอาการวูบกทันหันจนได้รับการส่งตัวเข้าห้องICUของโรงพยาบาลมหาสารคามเมื่อปลายเดือนสิงหาคมโดยอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ท่ามกลางความห่วงใยของครอบครัวญาติ
มิตรที่ทราบข่าวอย่างไรก็ตามอาการของสาธิตทองจันทร์ก็ไม่ดีขึ้นเวลาผ่านมาเกือบถึง1สัปดาห์หมอลำชื่อดังก็เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเช้าของวันที่6กันยายนปี256ปีโดยทางFacebookสาธิตทองจันทร์ได้โพสต์แจ้งข่าวเมื่อเวลา9:30น.ของวันที่6กันยายนปี256ว่ากราบลาแฟนๆถ้าชาติหน้ามีจริงขอเกิดเป็นพินิจคนเดิมให้อ้ายนิดเกิดมารับใช้แฟนเพลงคือเก่าอ้ายนิดขอโทษแฟนเพลงที่บอสามารถร้องเพลงให้ฟังได้อีกต่อไปขอบคุณเจ้าภาพทุกคิวงานจนถึงปี
2569กำหนดการจะแจ้งทางเพจอีกทีนะครับแฮ#ทกสาธิตทองจันทร์พินิจคนเดิมสาธิตทองจันทร์มีชื่อจริงว่านายสานิชัยทองศรีเกิดเมื่อวันที่10มิถุนายนปี2500เป็นคนบ้านหนองหูลิงตำบลบัวขาวอำเภอกุชินารายณ์จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นลูกคนที่3ในจำนวนพี่น้อง7คนของคุณพ่อบุญสคุณแม่บุษบาชัยทองศรีครอบครัวมีอาชีพทำนาเด็กชายสานิชักเสียงเพลงมาตั้งแต่ยังเด็กประกอบกับคุณพ่อชอบเป่าแคนเขาจึงอินกับการร้องการรำเรื่อยมาจนเติบใหญ่หลังเรียนจบการศึกษาภาคบังคับชั้นป.4จากโรง
เรียนบ้านหนองหูที่บ้านเกิดเขาก็บวชเณรอยู่3ปีได้ร่ำเรียนนักทำจนสอบได้นักทำตรีแล้วสึกออกมาทำนาที่บ้านแต่ทำอยู่ได้ไม่เท่าไหร่ความรักเสียงเพลงเสียงลำความอยากเป็นหมอลำก็เต้นระอุอยู่ในหัวใจวัยหนุ่มของเขาเล่ากันว่าหนุ่มสานิชเคยขอแม่ว่าอยากจะไปสมัครเป็นหมอลำแต่ก็ถูกทัดทานห้ามไว้อย่างไรก็ตามหนุ่มสานิชในยามนั้นรู้แน่แก่ใจว่าตัวเองชอบด้านนี้จนไม่อาจฮักห้ามใจได้เขามุ่งมั่นฝันใฝ่ที่จะก้าวเดินบนถนนนักเพลเพลงให้จงได้แล้ววันหนึ่ง
เขาจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อเสี่ยงดวงเข้าวงการโดยแอบขโมยข้าวเปลือกของพ่อไปขายพอได้เป็นค่ารถแล้วพเนจรเผ่นจากกาฬสินธุ์บ้านเกิดไปเผชิญโชคที่จังหวัดมหาสารคามซึ่งยามนั้นชุกชุมด้วยคณะหมอลำและสำนักงานวงดนตรีหนุ่มน้อยสานิชประเดิมเริ่มการล่าฝันด้วยการไปสมัครอยู่กับวงหมอลำคณะเล็กๆก่อนร่อนเร่จากวงนั้นไปวงนี้สู้แบบไม่เกี่ยงเอามันทุกท่าเพราะใจรักทางนี้สุดท้ายเขาได้ไปสมัครอยู่กับวงดนตรีชื่อดังคือวงดนตรีซักสยามเพชรชมพูใน
ตำแหน่งคอนวอยมีหน้าที่คอยแบกหามคอยขนเครื่องดนตรีข้าวของจิปาถะนานๆทีจึงมีโอกาสดีได้ร้องเพลงเพลงที่เขาใช้ร้องหน้าเวทีช่วงนั้นก็มีเพลงข้าวไม่มีขายรักจางที่บางปะกงใครลืมใครก่อนของศรเพชรศรสุพรรณสดสายรุ่งโพธิ์ทองและสายยันสัญญาในช่วงแรกที่เริ่มตามฝันนี้หนุ่มสานิชัยทองศรีเคยได้อัดแผ่นเสียงครั้งหนึ่งในเพลงที่มีชื่อว่าตำแหน่งชาวนาแต่ว่าอัดแล้วก็ไม่มีการส่งเสริมเท่าไหร่นักไม่มีการตัดแผ่นให้นำไปแจกกับโฆษกรายการวิทยุ
ซึ่งในห้วงยามนั้นถือว่าเป็นช่องทางหลักในการโปรโมทเพลงจากนั้นเขาจึงย้ายมาประจำอยู่ที่วงสุภาพดาวดวงเด็ดและมีโอกาสบันทึกเสียงคู่กันกับหัวหน้าวงอยู่เสมอแม้ว่าผลงานบันทึกแผ่นเสียงในช่วงนี้ของเขาจะยังไม่ได้รับความนิยมจากแฟนเพลงเท่าที่ควรแต่แรงใจของเขายังไม่หมดสิ้นเขายังเดินหน้าสู้ต่อไปอย่างเปี่ยมหวังว่าสักวันคงจะสำเร็จต่อมาวงดนตรีสุภาพดาวดวงเด็ดได้เลิกวงหนุ่มสานิชจึงได้ไปร่วมงานกับวิทูรวงไแห่งคณะเงาฟ้าอัศวินจากนั้นก็
ย้ายไปอยู่กับคณะรุ่งเรืองศินซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อคณะเป็นคณะลูกอีสาน100%มีการรับงานในรูปแบบวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำที่วงหมอลำคณะรุ่งเรืองศินนี้เองที่หนุ่มสานิชได้พบกับครูเพลงคู่บุญที่ในเวลาต่อมาได้ปั้นเขาจนโด่งดังครูเพลงท่านนี้ก็คืออาจารย์คำเกิงทองจันทร์ความจริงแล้วหนุ่มสานิชเคยได้ยินกิตติศัพท์ฝีมือด้านการเขียนกอลำและเคยเจอตัวอาจารย์คำเกิ่งทองจันทร์มาก่อนแล้วในช่วงที่เขายังอยู่ในสังกัดวงสุภาพดาวดวงเด่นแต่ตอนนั้นเป็น
การเห็นกันเฉยๆยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเมื่อมาเจอกันอีกครั้งกับอาจารย์คำเกิ่งที่หมอลำคณะรุ่งเรืองศิลป์เขาจึงเข้าไปกราบขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์และเรียกอาจารย์คำเกิงทองจันทร์ว่าพ่อทุกคำเพราะเคารพและศรัทธาฝีมือของท่านมากจนกระทั่งอาจารย์คำเกิงจะลาออกจากวงรอรุ่งเรืองศินหนุ่มสานิชก็ได้เข้าไปกราบและจับมือท่านพลางบอกเสียงสั่นว่าอาจารย์อาจารยอย่าลืมผมนะอาจารย์ไปไหนผมจะตามไปรับใช้ด้วยด้านอาจารย์คำเื่องทองจันทร์เคยกล่าวถึงหนุ่ม
สานิชหรือสาธิตทองจันทร์ในเวลาต่อมาว่าเป็นเด็กคนเดียวที่ผมมองเห็นความสามารถในน้ำเสียงพลังของความกตัญญูรู้คุณเด็กคนนี้มีเต็มเปี่ยมผมรักเขามากและปรารถนาที่จะเห็นเขาสุขใสในถนนบันเทิงสายนี้ไปอีกนานแสนนานคำกล่าวนี้ไม่เกินเลยความจริงแม้แต่น้อยเพราะหลังจากนั้นไม่นานอาจารย์คำเกิงซึ่งได้มาตั้งคณะทองจจโปรโมชั่นก็ได้เขียนกลอนลำให้กับสาธิตทองจันทร์และพาเขาไปฝากอยู่กับเฮียจุ่นในห้างกรุงไทยแผ่นเสียงเทปซึ่งให้การสนับสนุนการบันทึก
เสียงของหนุ่มสานิชซึ่งบัดนั้นเขาได้กลายเป็นนักร้องหมอลำน้องใหม่นามว่าสาธิตทองจันทร์โดยประเดิมร้องเพลงชุดแรกคือชุดหยุดน้ำตาเถิดน้องปรากฏว่าเพลงหยุดน้ำตาเถิดน้องดังมากในภาคอีสานเียวเเจอกันไปฝันถึงเาสงสารเศษจมแจ้งเกิดให้สาธิตทองจันทร์โด่งดังสำเร็จสมใจก่อนที่จะมีงานเพลงงานกลอนลำชุดอื่นๆตามมาอีกมากมายเช่นเพลงรักแท้คือแม่ผมแก้วหลงกรุงปากโกรธใจคิดถึงเป็นต้นพร้อมทั้งมีเพลงและหมอลำกลอนฮิตที่โด่งดังอมตะมากมายเช่นปากโกรธใจคิดถึงผิดหรือที่จน
ความรักเหมือนควันบุรีลาสาวหนองคายกลับเถิดจัจจ๋าและเพลงมือสังหารเป็นต้นสาธิตทองจันทร์ได้ชื่อว่าเป็นหมอลำที่มีผลงานการอัดเสียงมากที่สุดคือมากกว่า30ชุดและทุกชุดได้รับความนิยมอย่างสม่ำเสมอแม้จะไม่ถึงขนาดโด่งดังทะลุฟ้าทั่วประเทศแต่ก็ขายดีอยู่เรื่อยๆและมียอดจำหน่ายสูงทุกชุดเขาเป็นนักร้องที่ได้รับคำชมว่าเป็นลูกศิษย์กตัญญูเพราะไม่ว่าเขาจะโด่งดังแค่ไหนก็ยังอยู่กับครูคำเกิกทองจันทร์ที่ปั้นตนขึ้นมาโดยไม่คิดหนีไปไหนจวบจนท่าน
เสียชีวิตเอกลักษณ์ของสาธิตทองจันทร์คือเป็นหมอลำคนเดียวที่สวมแว่นศรีชาร้องเพลงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและร้องรำไปเรื่อยๆไม่มีอะไรหวือหวาไม่มีลีลาโยกย้ายสายเอวนักแต่เพลงของเขาสามารถครองใจนักฟังเพลงฟังลำมาอย่างยาวนานจวบจนถึงปัจจุบันสาธิตทองจันทร์หมอลำรุ่นใหญ่ชื่อดังยังคงรับงานร้องเพลงทั่วไปแต่ไม่ได้ทำวงดนตรีรับเชิญทุกวงใครจ้างเข้าไปนอกจากงานร้องเพลงแล้วเขายังทำธุรกิจขายน้ำดื่มยี่ห้อพี่นิดสาธิตทองจันทร์โดยมี2สาขาที่อำเภอ
นาเชือกจังหวัดมหาสารคามและอำเภอกุฉินารายณ์จังหวัดกาฬสินธุ์และเปิดซุเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆให้ลูกสาวซึ่งมีบริการเติมน้ำมันด้วยสำหรับทายาทที่สืบทอดอาชีพร้องรำนั้นสาธิตทองจันทร์ก็มีลูกชายคนหนึ่งซึ่งเป็นนักร้องใช้ชื่อนักร้องว่าสาธุทองจันทร์ขอให้ดวงวิญญาณของอ้ายนิดสาธิตทองจันทร์พินิจคนเดิมรับให้สบายและไปสู่ภพภูมิที่ดีงามด้วยเทอญและขอขอบคุณที่ฝากเสียงร้องเสียงรำไว้ให้แฟนเพลงคนรุ่นหลังได้ฟังตลอดกาลเกงไปถึงเพลงเซงตัวจึงเป็นตานาย
ปากมาเพือเขาหลายบ่อยากเห็นบ่อยากพ่อแต่ใจนอกหวงบ่อายแทนกันเข้าร้ายว่าเขาหลอกว่าเขาลวงแท้ใจหัวเงนเขาจะบ่เซนอนกุมอ