เจ้าคุณพระสินีนาฏ ถูกสั่งห้ามร่วมพระราชกรณียกิจ มีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น


และ วิเคราะห์ เราก็จะวิเคราะห์จากความเป็น จริงที่เรามองเห็นและ สังเกต เห็นเท่านั้น นะคะและเราก็จะไม่นำเสนอประเด็นที่เกิน จริงหรือกุข่าวหรือหลอกลวงให้ท่านผู้ชม ได้รับข่าวสารข้อมูลที่เป็นเท็จและนั่นก็ คือนโยบายของ สำหรับในคลิปนี้นะคะเราอยากวิเคราะห์ เรื่อง 5 ปมร้อนเหตุผลที่เจ้าคุณ ร งดออก งานค่ะเหตุผลที่ 1 ค่ะพระเจ้าคุณ ละ คือ ขวัญใจช่างภาพต้องยอมรับกันเลยนะคะว่า เมื่อมีการออกงานในหลวงพระราชินีและมี เจ้าคุณ พระ ตาม เสด็จด้วยปฏิเสธไม่ได้ เลย ข่าว ว่า เมื่อเราถามช่างผ้าที่เป็นมือ สมัครเล่นส่วนใหญ่ซึ่งร่วมบรรยากาศในการ

เข้าเฝ้ารับเสด็จในงานที่เปิดโอกาสให้ ประชาชนรับเสด็จได้ช่างภาพส่วนมากจะกด ชัตเตอร์รัวๆให้กับคนที่เดินตามหลัง สอง พระองค์เพราะอะไรน่ะคะถ้าเรามองกันแบบ จริงจังที่ไร้อคตินะคะเราก็จะสังเกตเห็น ได้ว่า แต่ในความเป็นเจ้าคุณพระนั้นจะมีความดึง ดูดและน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นชุดที่ใส่ซึ่ง จะมีรายละเอียด Pattern ของการตัดเย็บ สีสันที่โดดเด่นรายละเอียดของดอกไม้ ประดับผม โทน สี การแต่งหน้าหรือจะเป็น เครื่องประดับอย่างต่างหูและสร้อยที่หลาย ๆชิ้นนะคะเราก็รู้ว่าส่วนใหญ่แล้วก็จะ เป็นสมบัติของราชวงศ์จักรีทั้งนั้นและ หลายชิ้นผ่าน การเวลา ยาวนานเป็นร้อยปีราย ชิ้นเคยอยู่บนพระ ศอ หรือพระวรกายของเจ้า

นายชั้นสูงหลายพระองค์ คุณค่า ในความงามของ พระราชสมบัติเมื่อมาอยู่บนเรือนกายของใคร ก็ตามค่ะปฏิเสธไม่ได้ว่าก็จะต้องได้รับ ความสนใจอยู่แล้วเพราะพระราชสมบัติทุก ชิ้นมีเรื่องราวยาวนานที่สามารถนำมาเล่า ต่อได้เสมอและยังมีความน่าสนใจอยู่ตลอด เวลาและเมื่อเราพูดถึงอากัปกิริยาของเจ้า คุณพระ สิ หน้าที่ราชการ ไลค์ ani นะคะ แต่ ถ้า สังเกต ให้ดีๆก็จะพบว่าเวลาที่เจ้าคุณ พระเดินจะรู้ว่าสตรีท่านนี้เดินบนรองเท้า ส้นสูงได้สวย ใช้ งานและมีความมั่นใจโดย เจ้าคุณพระก็จะไม่ก้มมองเท้าตัวเองเลยนะ คะในเวลาที่กำลังเดินสิ่งนี้ก็จะทำให้ ช่างภาพกดชัตเตอร์กันอย่างรัวๆและ ใน หลาย

ช็อต ก็นำไปใช้ได้ไม่ต้อง ขัด ภาพทิ้งเยอะ ค่ะ เดี๋ยว จะว่าไป ท่วง ท่านะคะแน่นอนว่าการ รับรู้ของคนในสมัยนี้มี Social Media ที่เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนความน่า สนใจความน่าดึงดูดจากองค์ประกอบต่างๆใน ตัวตนของเจ้าคุณ ร จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนรับ รู้ได้อย่างรวดเร็วและมากเท่าที่จะเป็น ความน่าสนใจในประเด็นนี้เลยรายงานจึงเป็น การแย่งซีนสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะเหตุผลที่ 2 บรรยากาศที่ อึมครึม จะเรียกได้ว่าอื่นหรือ ลืมก็ได้ นะ คะสำหรับ บ่ เคยเฝ้ารับเสด็จก็คง จะรู้ดีว่าบรรยากาศในช่วงตั้งแต่ก่อน เสด็จก็จะเริ่ม คืน ฯ แล้วนะคะเพราะบางครั้ง

ก็จะมีกฏอยู่ว่าห้าม ชู รูปคู่ค่ะเพราะ เสด็จมาแล้วนะคะในบางพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าก็ทรงมี ศรีประพัฒน์ ที่ ไม่สู้ดีนักเพราะไม่ส่ง ร่าเริง และยิ้ม แย้มดังเช่นในเวลาที่ส่งออกงานกับพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียง สอง พระองค์และ ในการออกงานที่เจ้าคุณพระตามเสด็จด้วยก็ จะไม่ ส่ง แต่ต้องพระวรกายของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงควง รพา หาหรือไม่ ทรง พยุง รพา หาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดัง เช่นที่ออกงานกัน 2 พระองค์ค่ะแล้วก็มี อยู่งานหนึ่งนะคะที่เราก็แอบ สังเกต ในงาน นั้นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงรักษาได้มี ศิริ พัฒน์ มา วัชระ ธิดาเสด็จด้วยค่ะเจ้า ของ พระ

ก็ตามเสด็จสมเด็จกรมหลวงทรงกล่าวถวายราย งานผลการดำเนินงานกับ ก็จะ หม่อมพ่อนะคะภาพ จากในข่าวพระราชสำนักนั้นทำให้เราเห็นว่า ว่าสมเด็จพระนางเจ้าทรงมองเมืองไปทางอื่น ไม่ส่งยิ้มและดูเหมือนไม่ ทรง มีส่วนร่วม กับราชกิจในวันนั้นค่ะเรียกได้ว่าเป็นงาน ที่ แอดมิน ก็รู้สึกว่าอื่นที่สุดแล้วค่ะ เหตุผลที่ 3 ติ่งใครตึงมันความขัดแย้ง ความจริงดีชิงเด่นระหว่างสตรีในราชสำนัก นั้นมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วนะคะ เพราะ ภรรยาเจ้าในรัชกาลที่ 5 นั้นมีทั้ง หมด 9 พระองค์โดยพระภรรยาเจ้าที่มี ตำแหน่งสูงที่สุดคือพระอัครมเหสี รองลงมาก็คือพระมเหสีพระราชเทวีพระอัคร

ชายาตามลำดับแต่ความที่มีถึง 9 พระองค์ก็ เลยมีความลักลั่นกันว่าพระองค์ใดคือนำ หรือ วันหรืออันดับ หนึ่ง ของรัชกาลที่ 5 จน กระทั่งเมื่อปี 2440 ค่ะความชัดเจนในตำแหน่งของพระ อัครมเหสี และ ก็เป็นที่ ปรากฏ ชัดเจนขึ้นเมื่อรัชกาล ที่ 5 จะต้องเสด็จไปประพาสยุโรปจึงทรง แต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จึงทรงโปรด เกล้าสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้า เสาวภาผ่องศรีพระบรมราชินีนาถซึ่งเป็น ตำแหน่งพระภรรยาเจ้าที่ทรงตั้งขึ้นใหม่ และถือเป็นตำแหน่งพระอัครมเหสี ที่มีลำดับพระอิสริยยศสูงที่สุดค่ะดัง นั้นนะคะพระฐานะของสมเด็จพระนางเจ้า

สว่างวัฒนา จึงส่งลดลงมาเป็นเบอร์ 2 ในที่ สุดสำหรับในรัชกาลที่ 10 นี้ใครๆก็ทราบดี ว่าสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาคือ Number One และแน่นอนว่าในยุค Digital นี้นะคะไม่ เหมือนในยุครัชกาลที่ 5 ในยุคนี้นั้นถ้า ใครรักใครชอบใครใครเป็นจริงใครก็สามารถ แสดงความรู้สึกให้โลกรู้กันเป็นเรื่อง ปกติ จนเกิดเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ รุนแรง อย่าให้ เกินไปจนถึงการด้อยค่า number two หรือ คัด สนมเอกค่ะอันที่จริงแล้วนะคะผู้ ที่ปล่อยถ้อยคำที่ด้อยค่านั้นจริงๆแล้ว ควรหันกลับมามองความเป็นจริงนะคะว่าถ้า หากว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรง

พระราชทานอนุญาตให้เจ้าคุณพระ ศรี หน้าที่ ลาด กัลยาณีตามเสด็จได้ก็คงจะไม่มีใครจะ ต้องตามเสด็จนะคะสาเหตุที่เจ้าคุณพระงด ออกงานในช่วงนี้นี่อาจจะเป็น ปม ร้อน อีก ข้อ หนึ่งที่ทำให้ติ่งสถาบันเกิดความแตกแยก กันเองจนเกิดเป็นติ่งพระราชินีและสิ่ง เจ้าคุณพระแต่ก็น่าแปลกมากๆนะคะที่ลักษณะ ตัวตนของจริง สอง กลุ่มมีความแตกต่างกัน อย่างสิ้นเชิงเพราะ ติ่ง เจ้าคุณพระไม่เคย กล่าวหาตำหนิหรือกล่าวร้ายจะว่าไปใช้คำ ว่าไม่กล้าและเจียมเนื้อเจียมตัวเสียมาก กว่าซึ่งจะชื่นชมอยู่ในพื้นที่เล็กๆนะคะ ในขณะที่ จิง ก็ ได้ ที่ นี่ นะ คะกลับมีการใช้ ถ้อยคำ รุนแรง กล่าวหาตำหนิอ่าและแทรกความ

เป็นเจ้าคุณพระอย่างเลือดเย็นในบางครั้ง ค่ะ เหตุผล ที่ 4 นะคะจากความไม่เท่าเทียม สู่ความเห็นใจ พระยศ ที่เป็นเพียงพระสนมเอก ไม่ได้นับรวมให้เป็นสมาชิกในราชวงศ์ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูดการใช้คำใน เอกสารราชการที่ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ เวลาสื่อสารเรื่องเจ้าคุณ ละ นะ คะก็ไม่ต้อง ใช้คำราชาศัพท์รวมไปถึงขั้นตอนลำดับ ขั้น ใน การปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการที่ เจ้า พระ กราบบนพื้นแทนการปรับบนแท่นการ ไม่ เดินบน ลาดพระบาทการที่มี ร่วม กลาง แบบธรรมดาการ ที่ต้องทำสิ่งต่างๆหลังจากที่ทุกพระองค์ ทรงคำไว้หมดแล้วภาพลักษณ์ในเรื่องของความ ไม่เท่าเทียมนี้กลับมีความใกล้ชิดและเข้า

ไปนั่งอยู่ในใจประชาชนว่าแท้ที่จริงแล้ว เจ้าคุณพระก็ไม่ต่างอะไรกับประชาชนคน หนึ่งและในทางจิตวิทยาแล้วนะคะ แต่ มัน ก็ เห็นความ ไม่ เท่าเทียมระหว่างนำเมื่อวัน และนำว่า ทู นี้ เองทำให้ประชาชนรู้ว่าใคร ที่พวกเขารู้ว่าควรจะได้รับความเห็นใจการ งด ออกงานของเจ้าคุณพระ ธรรม ให้ลดความร้อน แรงในดีกรีของความไม่เท่าเทียมลงได้บ้าง ค่ะ เทศ คน ที่ 5 เป้าในการโจมตีประเด็นของ การมีพระสนมเอกและพระสนมเอกออกงานกับพระ ราชาและพระราชินีได้กลายเป็นเป้าหมายหลัก ในการ ตีแพค ข่าวเกี่ยวกับสถาบันพระ มหากษัตริย์ ไทย โดยสำนักข่าวต่างประเทศได้ อยู่เรื่อยๆนะคะถ้าหากเรายังต้องพึ่งพา

ต่างประเทศในแง่ของเศรษฐกิจภาพลักษณ์ของ สถาบันยังคงมีความสำคัญพร้อมกับเสถียรภาพ ของรัฐบาลใน ประเทศ นั้นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎหมายหมิ่น 112 ไม่สามารถใช้ได้กับสื่อ ต่างประเทศเพราะไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักร ไทยก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อต่างชาติจะต้อง ดีแผนเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมาถึงเรื่อง มี ความ รัก ส่วนพระองค์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่อง ราว ในราชสำนักไทยที่ไม่เคยมีการพูด กันอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ค่ะทำให้สำนักข่าวต่างประเทศต่างก็ กระตือรือร้นที่จะนำเสนอข่าวอย่างหิวโหย สถาบันจึงตกเป็นเป้าหมายสำคัญอย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้การเก็บตัวพระสนมเอกไม่ต้อง

ออกงานพร้อมกันก็อาจเป็นการบรรเทาความ ร้อนแรงก็เป็นได้ค่ะ อ่ะ